Back to school, post-pandemic:
โรงเรียนของพวกเราพร้อมหรือยัง?
คำถามยอดฮิตในช่วงนี้ก็คือ ปีการศึกษา 2565 นี้ โรงเรียนของเราจะเปิดเทอมอย่างไร จะเป็นแบบ Online, On-site หรือ แบบผสมผสาน (Hybrid) แน่นอนว่าทุกภาคส่วนก็อยากให้มีการเรียนการสอนแบบปกติ เพราะคำว่า “การศึกษา” ไม่ใช่หมายถึงแค่มิติด้านสติปัญญา (IQ) เท่านั้น แต่ยังมิติอื่น ๆ ที่ต้องได้รับการพัฒนาด้วย เช่น มิติด้านสังคม (SQ), มิติด้านอารมณ์ (EQ) หรือมิติด้านศีลธรรม (MQ) มิติต่าง ๆ เหล่านี้มีความสำคัญไม่แพ้หรืออาจจะพูดได้ว่ามีความสำคัญกว่ามิติด้านสติปัญญาเพียงอย่างเดียวอีกด้วย ซึ่งการเรียนแบบ Online เกือบสองปีที่ผ่านมา ทำให้นักเรียนของเราได้รับการพัฒนา(เกือบเต็มที่) ในด้านของสติปัญญา (Hard Power) เพียงอย่างเดียว แต่มิติอื่น ๆ ขาดหายไป เช่นมิติด้านสังคมและการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น มิติด้านการพัฒนาทางอารมณ์ รวมถึงมิติด้านศาสนา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ในโรงเรียนของเรา (Soft Power)
แน่นอนว่าการพัฒนาเด็กและเยาวชนของชาติที่ขาดหายไปบางมิติ ย่อมส่งผลกระทบต่ออนาคตและความก้าวหน้าของประเทศชาติ เหตุนี้เองผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจึงพยายามที่จะหาทุกวิถีทางเพื่อทำให้การเรียนการสอนกลับมาเป็นแบบปกติ(ใหม่)อีกครั้งหนึ่ง (New Normal) ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจในกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรี ก็ขอให้ทุกโรงเรียนพยายามเปิดการเรียนการสอนแบบ On-site ให้ได้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง เพราะพวกท่านก็ย่อมเป็นห่วงสุขภาพของลูกหลานของตน ดังนั้นเพื่อก่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานของพวกท่านกลับมาสู่รั้วของโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง (Back to School) โรงเรียนก็ต้องผ่านมาตรการต่าง ๆ ตามที่ภาครัฐกำหนด เช่น 3T1V ; T : Thai Stop Covid Plus (TSC+) สถานศึกษาต้องประเมินตนเองเตรียมพร้อมก่อนเปิดเรียน, T : Thai Save Thai (TST) นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษามีการประเมินความเสี่ยงตนเองเป็นประจำ, T : Test ตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังอย่างเหมาะสม เช่น ATK เมื่อมีความเสี่ยงหรือมีอาการ และ V : Vaccine ครู บุคลากร ผู้ปกครอง และเด็ก อายุ 5-18 ปี ได้รับวัคซีนโควิด 19 ตามเกณฑ์
พร้อมมาตรการ 6-6-7 คือ สร้างความปลอดภัยด้วย 6 หลัก (DMHT-RC) ได้แก่ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ ตรวจคัดกรอง ลดการแออัด ทำความสะอาด ร่วมกับ 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) ได้แก่ ดูแลตนเอง ใช้ช้อนส่วนตัว ทานอาหารปรุงสุกใหม่ ลงทะเบียนเข้า-ออก สำรวจตรวจสอบ กักกันตนเอง และ 7 มาตรการเข้ม ได้แก่ ประเมิน Thai Stop Covid Plus (TSC+) และรายงานผล ผ่าน MOE COVID ทำกิจกรรมกลุ่มย่อย (Small Bubble) จัดระบบการให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลและโภชนาการ มีอนามัยสิ่งแวดล้อมตามเกณฑ์มาตรฐาน มีแผนเผชิญเหตุ มีการซักซ้อม รวมถึง การเตรียมพร้อม School Isolation ควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนให้ปลอดภัย เน้นมาตรการปลอดภัยรถ โรงเรียน และ School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา
ซึ่งแน่นอนว่าโรงเรียนของพวกเราล้วนผ่านเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้และพร้อมที่จะทำให้ปรัชญาการศึกษาของเราที่ว่า “พระเจ้า (GOD) ความรัก (LOVE) การรับใช้ (SERVICE) บนพื้นฐานอันดีงามแห่งชีวิตและเมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณของพระเจ้า จะเจริญงอกงามขึ้นในทุกคน และให้ผลอันล้ำค่าแก่แผ่นดิน” เป็นจริงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งหลังจากโรคระบาดที่เรียกว่า “โควิด 19” ถูกเรียกว่า “โรคประจำถิ่น”(Endemic)
- - -
บทความ โดย
บาทหลวงเอกรัตน์ หอมประทุม
เลขาธิการ
สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย
คัดลอกLinkเพื่อแบ่งปันบทความ: https://bit.ly/3LZjPDx
เครดิตภาพ >> https://bit.ly/3KXLUtn